ฉนวนกันความร้อน ประเภทนี้ เป็นฉนวนที่ทำมาจากเยื่อไม้หรือเยื่อกระดาษ ซึ่งต้องมีการใส่สารป้องกันการลุกไหม้หรือการลามของไฟ ที่พบเห็นส่วนใหญ่มักเป็นชนิดพ่นในช่องว่างหลังคา หรือ ฝ้าเพดาน การกันความร้อนดีพอๆ กับ ฉนวนใยแก้วและฉนวนร็อควูล แต่การทำงานในลักษณะที่เราต้องพ่นเข้าไปในหลังคา ค่อนข้างยาก เนื่องจากความหนาที่ต้องการมักจะหนากว่า 2 นิ้ว ทำให้ควบคุมการพ่นฉนวนให้หนาตามที่ต้องการทำได้ลำบาก
ฉนวนสะท้อนความร้อนประเภทที่มีผิวมันวาว มีลักษณะเป็นแผ่นอลูมินั่มฟอยล์ ที่ใช้วางใต้หลังคา สามารถป้องกันความร้อนได้โดยการสะท้อนรังสีความร้อนออกไปก่อนที่ความร้อนจะ เข้ามาสะสมในเนื้อวัสดุ อีกทั้งลักษณะของฉนวนที่เป็นแผ่นบางทำให้ฉนวนไม่เกิดการสะสมความร้อน ดังนั้น หากผิวฉนวนหมดความเป็นมันวาว เช่น มีฝุ่นเกาะ ก็จะทำให้ไม่เกิดการสะท้อนความร้อน และส่งผลให้ฉนวนไม่สามารถป้องกันความร้อนได้ และคุณสมบัติของฉนวนประเภทอลูมินั่มฟอยล์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การที่ฉนวนสามารถแผ่รังสีความร้อนออกมาได้น้อย ซึ่งหากติดตั้งฉนวนใต้หลังคา ก็จะทำให้ความร้อนถ่ายเทลงมาในบ้านน้อยด้วย และหากต้องการให้ป้องกันความร้อนได้ดียิ่งขึ้น ควรจะติดตั้งให้มีช่องว่างอากาศระหว่างแผ่นฟอยล์กับฝ้าเพดานไม่น้อยกว่า 1 นิ้วด้วย
ที่ส่วนใหญ่นำมาใช้และเป็นที่รู้จักกันดีนั้น ลักษณะเด่นคือ เป็นเส้นใยสีเหลืองทำเป็นแผ่นหรือเป็นม้วน บางชนิดก็ทำติดไว้กับแผ่นแข็ง ๆ หรือมีแผ่นฟอยล์อยู่ด้านใดด้านหนึ่ง หรือไม่ก็มีแผ่นฟอยล์หุ้มอยู่ทุกด้านคล้ายกับการบรรจุอยู่ในถุง ฉนวนประเภทนี้ นอกจากจะกันความร้อนได้ และมีค่าการกันไฟได้สูงถึง 300 องศาเซลเซียสแล้ว ยังกันเสียงได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียคือ แพ้ความเปียกชื้นหากเส้นใยถูกความชื้นหรือหยดน้ำ ก็จะยุบตัวแบนติดกัน ทำให้ไม่สามารถป้องกันความร้อนได้ และหากคนที่แพ้เส้นใยสัมผัสหรือแตะถูกโดยตรง อาจเกิดอาการคัน และ ระคายเคืองได้ ดังนั้น การเลือกใช้ฉนวนใยแก้วหากไม่ต้องการให้เส้นใยโดนตัว ก็อาจจะเลือกใช้ชนิดที่มีฟอยล์หุ้ม
มีรูปร่างเป็นแผ่น หรือก้อนทึบ การกันความร้อนนั้นเหมือนฉนวนใยแก้ว แต่สามารถทนไฟได้ดีกว่า และที่เด่นอีกอย่างคือ ความสามารถในการดูดซับเสียง บางครั้งมีการนำไปติดกับผนังห้องที่ต้องการควบคุมเสียงและใช้ผ้าบุด้านหน้า เพื่อตกแต่งให้สวยงาม ข้อเสียก็เช่นเดียวกับฉนวนใยแก้วคือแพ้ความเปียกชื้น
มีทั้งชนิดที่เป็นแผ่นเช่น โพลีเอทิลีน หรือชนิดที่ใช้ฉีดพ่น เช่นโฟมโพลียูรีเธน ซึ่งเป็นฉนวนที่สามารถป้องกันความร้อนได้ดีเหมือนฉนวนใยแก้วและฉนวนร็อควูล แต่ฉนวนประเภทโฟมจะมีข้อดีกว่าตรงที่โฟมสามารถป้องกันน้ำและกันความชื้นได้ แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างคือ ฉนวนประเภทโฟมจะแพ้รังสีอุตตร้าไวโอเลต หรือรังสียูวีของดวงอาทิตย์ ดังนั้น หากนำไปใช้ต้องไม่ให้ถูกแสงแดดโดยเด็ดขาด ที่สำคัญคือ ฉนวนประเภทโฟมหากโดนความร้อนสูงหรืออยู่ในที่ ที่มีอุณหภูมิสูงนานๆ ก็จะบิดงอหรืออาจลุกไหม้ได้ เนื่องจากจุดหลอมเหลวของโฟมนั้นมักจะต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียล
ที่สามารถนำมาเป็นฉนวนป้องกันความร้อนได้ แต่มีคุณภาพไม่ดีเท่าประเภทที่ทำมาจากใยแก้ว เช่น ประเภทอิฐมวลเบา และแผ่นยิบซั่มบอร์ด เป็นต้น
ดังนั้น หากจะเลือกใช้ฉนวนจึงควรพิจารณาเลือกใช้ให้ถูกประเภทและลักษณะการใช้งาน เพื่อประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับ ที่สำคัญช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเกิดสภาวะสบายได้โดยไม่ต้องเปิดพัดลมหรือเปิด แอร์ให้เปลืองค่าไฟ ช่วยประหยัดประพลังงาน
ทำพื้นอีพอกซี่ เขตปทุมวัน
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์กุมารศัลยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์วาจวิทยาวัฑฒน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับไทย
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์สมุนไพร
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านเรือนไทยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านหอศิลป์จามจุรี
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านสภากาชาดไทย
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านราชกรีฑาสโมสร
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านสวนลุมพินี
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านสนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านสวนปทุมวนานุรักษ์
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านบริการสารนิเทศเฉพาะสาขา ชนเผ่าไทกะได
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
ทำพื้นอีพอกซี่ ย่านหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
หน้าที่เข้าชม | 13,027 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 8,820 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 มิ.ย. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |